แมงมุมพิษ

แมงมุมพิษ

แมงมุมพิษในประเทศไทยนั้นปกติไม่มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่เนื่องจากมีผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ ได้นำเข้าแมงมุมพิษจากต่างประเทศเข้ามา เมื่อมากัดคน จึงเกิดโรคขึ้นมา แมงมุมพิษนั้นมีอยูู่ 3 ชนิด คือ แมงมุมแม่ม่ายดำ, แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล และแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล

1. แมงมุมแม่ม่ายดำ
แมงมุมแม่ม่ายดำ (black widow spider) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Latrodectus mactans เป็นแมงมุมขนาดเล็ก พบได้ในหลายประเทศ แต่มีชุกชุมมากในทวีปอเมริกาใต้และทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปออสเตรเลีย ชื่อของแมงมุมชนิดนี้สื่อถึงพฤติกรรมที่แมงมุมตัวเมียมักจะกินแมงมุมตัวผู้หลังจากผสมพันธุ์

คนมักถูกกัดได้จากการไปสัมผัสโดยบังเอิญ ส่วนใหญ่พบใยแมงมุมชนิดนี้อยู่ตามมุมประตูหรือหน้าต่าง โรงรถ หรือแม้แต่ในห้องน้ำ จึงอาจทำให้คนถูกแมงมุมกัดบริเวณอวัยวะเพศได้ด้วย

แมงมุมแม่ม่ายดำตัวเมียจะมีความยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร มีสีดำ ตัวกลม ที่ท้องจะมีลายเป็นรูปนาฬิกาทรายสีแดง (ดังรูปที่ 1 และ 2) ส่วนแมงมุมแม่ม่ายดำตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมียประมาณ 20 เท่า และมีสีน้ำตาล (ดังรูปที่ 3) ไม่พบลักษณะนาฬิกาทรายที่ท้องของตัวผู้



รูปที่ 1 แมงมุมแม่ม่ายดำตัวเมีย เห็นนาฬิกาทรายสีแดงใต้ท้อง
(ภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Black_widow_spider)



รูปที่ 2 แมงมุมแม่ม่ายดำตัวเมีย เห็นนาฬิกาทรายสีแดงใต้ท้อง
(ภาพจาก http://www.myhousecallmd.com/arachnophobia-the-truth-behind-spider-bites/)



รูปที่ 3 แมงมุมแม่ม่ายดำตัวผู้ มีสีน้ำตาลอ่อน ขนาดเล็ก
(ภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Black_widow_spider)

แมงมุมแม่ม่ายดำชอบอยู่ในที่อับแสง แห้ง ไม่มีลม เช่น ตามรั้ว หรือในกองใบไม้ชอบออกหากินกลางคืน

เฉพาะแมงมุมแม่ม่ายดำตัวเมียเท่านั้นที่สามารถกัดมนุษย์ได้ เนื่องจากตัวผู้ตัวมีขนาดเล็กและกรามไม่แข็งแรงพอ

สารพิษของแมงมุมแม่ม่ายดำมีชื่อเรียกว่า latrotoxin เป็นพิษที่มีผลหลักต่อระบบประสาท (neurotoxin) โดยพิษจะทำให้เกิดช่องว่างบริเวณปลายเซลล์ประสาท ส่งผลให้แคลเซียมไอออน (Ca2+) ไหลเข้าสู่ปลายเซลล์ประสาทซึ่งเป็นกลไกให้เกิดการปล่อยสารสื่อประสาท (neurotransmitter) ตลอดเวลา ทำให้เกิดการส่งกระแสประสาทอย่างต่อเนื่องและมากกว่าปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกร็งจนเป็นอัมพาต ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตจะเกิดจากกล้ามเนื้อกระบังลมและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงาน ความรุนแรงขึ้นกับปริมาณสารพิษที่ได้รับ พิษมีความรุนแรงกว่าพิษงูส่วนใหญ่ มักเริ่มแสดงอาการหลังถูกกัดประมาณ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง

อาการและอาการแสดง

ระยะแรกจะมีแค่อาการผื่นแดง ๆ และปวดบริเวณที่ถูกกัด พบรอยโรคผิวหนังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อมาภายใน 30 นาที จึงจะเห็นผิวหนังบริเวณรอบ ๆ แดงขึ้น (ดังรูปที่ 4) ร่วมกับมีอาการขนลุก และเหงื่อออก อาจมีอาการชาหรือปวดร้าวบริเวณที่ถูกกัดได้ด้วย อาจมีอาการเป็นตะคริว และมีผื่นลมพิษร่วมด้วย ที่สำคัญ คือ บริเวณที่ถูกกัด จะไม่มีเนื้อตายเกิดขึ้น

อาการรุนแรงมักพบในเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ

เนื่องจากพิษของแมงมุมชนิดนี้มีสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้สามารถพบอาการอื่น ๆ เช่น ปวดท้องรุนแรงจนบางครั้งสับสนกับอาการปวดท้องจากไส้ติ่งอักเสบ, หรือการปวดจากนิ่วในถุงน้ำดีไปอุดตันทางเดินน้ำดี หรือมีอาการปวดหน้าอกจนอาจคล้ายคลึงกับอาการหัวใจขาดเลือดได้ 

นอกจากนี้ยังมีอาการปวดศีรษะ, คลื่นไส้อาเจียน, ปวดกล้ามเนื้อ, ความดันโลหิตสูง, น้ำตาและน้ำลายไหล, เหงื่อออกทั่วตัว, มือสั่น และชัก ในผู้ป่วยบางราย อาจพบความดันโลหิดสูงขึ้น ไตวายเฉียบพลัน จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

การรักษา
ควรรีบมาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากควรได้รับการประเมินอาการทางระบบประสาทโดยแพทย์ ปัจจุบันยังไม่มียาต้านพิษแมงมุมแม่ม่ายดำในประเทศไทย (ในต่างประเทศจะมียาต้านฤทธิ์ของพิษแมงมุม (anti-venin) ซึ่งใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง แต่อาจทำให้เกิดการแพ้น้ำเหลืองม้าอย่างรุนแรงได้ จึงต้องทำการทดสอบผิวหนังก่อนฉีดยาต้านดังกล่าว)

การรักษาในปัจจุบัน คือ หากมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย อาจใช้การประคบน้ำอุ่นร่วมกับรับประทานยาแก้ปวด การให้ยา calcium gluconate ทางหลอดเลือด, ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยาแก้ปวด และยากล่อมประสาทกลุ่ม benzodiazepine ให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ รอให้พิษหมดไปเอง และอาจต้องได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักร่วมด้วย


2. แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล

แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล (brown widow spider) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Latrodectus geometricus มีการค้นพบครั้งแรกในประเทศโคลัมเบีย ทวีปอเมริกาใต้ จากนั้นได้มีการกระจายกว้างออกไปยังทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปแอฟริกา ทวีปออสเตรเลีย รายงานพบที่ทวีปเอเชียโดยเริ่มจากประเทศฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นและอินเดีย ในประเทศไทยมีรายงานพบที่จังหวัด กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรสงคราม ราชบุรี เชียงใหม่ พะเยา แพร่ ลำพูน ลำปาง พิจิตร ชัยนาท ระยอง จันทบุรี นครราชสีมา และหนองบัวลำภู

แมงมุมชนิดนี้ไม่มีนิสัยก้าวร้าว เมื่อถูกรบกวนจะวิ่งหนีเข้าหาซอกที่กำบังในรังนอนของมันหรือทิ้งตัวลงไปแกล้งตายที่พื้น ทำให้แมงมุมชนิดนี้มีโอกาสกัดคนน้อยมาก ส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกกัดเกิดจากไปสัมผัสหรือกดทับตัวแมงมุมให้ได้รับบาดเจ็บจึงถูกกัด

มีขนาดเล็กว่าแมงมุมแม่ม่ายดำเล็กน้อย มีสีน้ำตาล ตัวกลม ที่ท้องจะมีลายเป็นรูปนาฬิกาทรายสีส้มหรือสีเหลือง และขาเป็นสีน้ำตาลสลับขาว (รูปที่ 5, 6 และ 7)

รปที่ 5 แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล ที่ใต้ท้องจะมีรูปนาฬิกาทรายสีส้ม
(ภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Latrodectus_geometricus)


รปที่ 6 แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล ที่ใต้ท้องจะมีรูปนาฬิกาทรายสีส้ม
(ภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Latrodectus_geometricus)


รปที่ 7 แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล ที่ใต้ท้องจะมีรูปนาฬิกาทรายสีส้ม
(ภาพจาก http://pulpbits.com/5-pictures-of-brown-widow-spider-florida/brown-widow-spider-from-florida-pic-6/)

พบว่าพิษของแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลนั้นรุนแรงกว่าแมงมุมแม่ม่ายดำ 2 เท่าตัว เมื่อเทียบพิษในปริมาณที่เท่ากัน แต่มีเฉพาะแมงมุมตัวเมียเต็มวัยเท่านั้นที่สามารถกัดผ่านผิวหนังมนุษย์ได้ ส่วนแมงมุมตัวผู้และแมงมุมตัวเมียที่ยังไม่เต็มวัยมีเขี้ยวที่เล็กและสั้นจนไม่สามารถกัดผ่านผิวหนังของคนได้ และแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลจะปล่อยพิษในการกัดแต่ละครั้งน้อยมาก ในขณะที่แมงมุมแม่ม่ายดำจะปล่อยพิษทั้งหมดในการกัดแต่ละครั้ง จึงทำให้ส่วนใหญ่มีอาการปวดเฉพาะบริเวณที่ถูกกัด

อาการและอาการแสดง
ด้วยเป็นพิษทางระบบประสาท (neurotoxic venom) ก่อให้เกิดอาการเกร็งกระตุกและตะคริว มักมีอาการเฉพาะบริเวณที่โดนกัน ไม่ค่อยกระจายไปส่วนอื่นของร่างกาย ส่วนใหญ่จะสร้างความเจ็บปวดในบริเวณที่โดนกัดคล้ายถูกผึ้งต่อยเท่านั้น มีโอกาสน้อยที่ทำให้ปวดทั่วทั้งอวัยวะได้ และพิษจะไม่ทำให้เกิดภาวะเนื้อตายตรงบริเวณที่ถูกกัด

การรักษา 
ให้การรักษาแบบเดียวกับการรักษาพิษจากแมงมุมแม่ม่ายดำ

3. แมงมุมสันโดษสีน้ำตาล

แมงมุมสันโดษสีน้ำตาล (brown recluse spider) เป็นแมงมุมที่พบได้ทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Loxosceles reclusa มีขนาดเล็กประมาณ 6-20 มิลลิเมตร (ขนาดเล็กกว่าแมงมุมแม่ม่ายดำ) ลักษณะลำตัวสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเหลืองเข้ม ขนาดเล็ก มีลักษณะเด่นคือด้านหลังของแมงมุมตรงช่วงศีรษะถึงอก (cephalothorax) จะมีลายสีออกดำรูปคล้ายไวโอลิน โดยด้ามจับหันไปด้านตรงข้ามกับศีรษะ (รูปที่ 8 และ 9) จึงอาจเรียกว่า violin spider หรือ fiddleback spider มีขาเรียวยาวเมื่อเทียบกับขนาดลำตัว

รูปที่ 8 แสดงให้เห็นแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล มีสีน้ำตาลอ่อน มีลายคล้ายไวโอลินอยู่ที่หลังของแมงมุมบริเวณศีรษะถึงอก โดยด้ามจับไวโอลีนหันไปตรงข้ามกับศีรษะ
(ภาพจาก http://www.amcoranger.com)

รูปที่ 9 แมงมุมสันโดษสีน้ำตาล มีขนาดเล็ก
(ภาพจาก Bolognia 3rd Ed, Chapter 85 Bites and Stings, page 1447)

แมงมุมชนิดนี้ ตัวเมียวางไข่ ครั้งละ 50 ฟอง ใช้เวลาฝักเป็นตัวนาน 1 เดือน โตเต็มที่ในเวลา 1 ปี มีอายุอยู่ได้ 1-2 ปี ชอบอยู่ในที่มืด แห้ง และสงบ เช่นเดียวกับแมงมุมแม่ม่ายดำ กินแมลงเป็นอาหาร และจะออกจากที่อยู่อาศัยเพื่อล่าสัตว์อื่นในเวลากลางคืน

มักอาศัยอยู่ในที่มืด ห้องใต้หลังคา พบอยู่ในเสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้า รองเท้า และเตียงนอน ซึ่งคนอาจถูกกัดได้ หากไปสัมผัสโดยบังเอิญ

อาการและอาการแสดง
เนื่องจากพิษของแมงมุมสันโดษสีน้ำตาลประกอบด้วยสารที่ออกฤทธิ์ทั้งทางผิวหนังและทางระบบเลือด 

พิษต่อผิวหนัง จะพบว่าบริเวณผิวหนังที่ถูกกัด อาการที่พบอาจมีความรุนแรงแตกต่างกันแล้วแต่บุคคล โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยมักไม่มีอาการรุนแรง ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษที่เรียกว่า sphingomyelinase D จากแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล ถ้าโดนกัดหลายตัว หลายตำแหน่ง ปริมาณพิษก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ผู้ป่วยมักมีอาการรุนแรง

เมื่อถูกกัดมักจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่มักเริ่มมีอาการปวดและคันบริเวณที่ถูกกัดหลัง 2-8 ชั่วโมง เกิดเป็นตุ่มน้ำพอง อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้ผิวหนังบริเวณที่ถูกกัดตายได้ถึงร้อยละ 37 เกิดเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ได้ถึง 25 เซนติเมตร

อาการพบได้ตั้งแต่ บริเวณที่ถูกกัดมีอาการแดงเพียงเล็กน้อย แสบ ๆ คัน ๆ มีตุ่มน้ำ จนถึงเกิดเป็นแผลเนื้อตายได้ ลักษณะจำเพาะทางผิวหนังที่อพบได้คือ การพบผื่นที่มี 3 โซน (necrotic cutaneous loxoscelism) ตรงกลางมีสีม่วงคล้ำล้อมรอบด้วยบริเวณที่มีสีขาวซีดกว่าปกติ ถัดออกไปคือผิวหนังที่มีการอักเสบแดงโดยรอบ (รูปที่ 10) หลังจากนั้น 2-3 วัน ผู้ป่วยบางรายอาจมีผื่นลุกลามจนกลายเป็นเนื้อตายหรือเกิดเป็นแผลลึกตามมาได้ (รูปที่ 11) อาการทางผิวหนังมักรุนแรงกว่าแมงมุมแม่ม่ายดำกัด
พิษต่อระบบเลือด พิษจะกระจายไปทั่วร่างกายในเวลาเป็นนาที ทำให้เกิดความผิดปกติในหลาย ๆ อวัยวะได้ โดยมีอาการแสดงทำให้เกิดเม็ดโลหิตแดงแตก เกร็ดเลือดต่ำ มีการแข็งตัวของเกร็ดเลือดกระจายทั่วร่างกาย (disseminated intravascular coagulation) อันตรายต่ออวัยวะภายใน

อาการอื่น ๆ ที่อาจพบ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ไข้ ผื่นแดง ปวดกล้ามเนื้อและข้อ

การรักษา
หากถูกแมงมุมสันโดษสีน้ำตาลกัด การปฐมพยาบาลเบื้องต้นประกอบด้วย การล้างแผลและการประคบน้ำแข็ง ยกบริเวณที่ถูกกัดให้สูงขึ้น ห้ามทำการนวดหรือประคบด้วยน้ำร้อนหรือการบีบรัดบริเวณแผลโดยเด็ดขาดเนื่องจากจะทำให้พิษแมงมุมกระจาย ควรนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที โดยนำแมงมุมที่กัดไปด้วย

เนื่องจากไม่มียาจำเพาะที่ใช้ในการรักษาพิษแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล การรักษาจึงเป็นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ แพทย์อาจพิจารณาฉีดวัคซีนกันบาดทะยัก ยาแก้ปวด แก้คัน ในรายที่เกิดภาวะแทรกซ้อนทางโลหิตวิทยา แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาอื่น ๆ เช่น สเตียรอยด์ เป็นต้น 

จะต้องไปติดตามอาการทุกวันอย่างน้อยเป็นเวลา 4 วันหลังถูกกัด เพื่อติดตามอาการแผลเนื้อตายบริเวณที่ถูกกัด

สำหรับผู้ที่มีแผลเนื้อตาย ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดรักษาบาดแผล แผลเนื้อตายอาจต้องใช้ระยะเวลาการรักษานานหลายเดือน การผ่าตัดอาจมีประโยชน์ในบางราย แต่ควรรอจนกว่าแผลคงตัวเสียก่อน มีรายงานการรักษาด้วย hyperbaric oxygen, dapsone และ glucocorticoids ซึ่งควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์

ในรายที่มีอาการทางระบบเลือด เลือดแข็งตัวผิดปกติ อาจต้องให้เลือดและสารที่มีผลทำให้เลือดแข็งตัว ถ้าไตวายอาจจะต้องฟอกไต 

การพยากรณ์โรค
อันตรายรุนแรงมักเกิดในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยผู้ที่ถูกกัดและเสียชีวิตมักเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี และผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง

tarantula 

Dr.., MD. Course West of RTN. 

MD. Benjar a five pointed Pattamavichaiporn Vol. 

Dermatological Society of Thailand 

Spider venom that usually does not exist in nature. However, due to the popular exotic animals imported from abroad tarantula bite people on the disease. Spider venom contains three types of incoming and outgoing black widow, brown widow spider. And the brown recluse spider 

1 black widow spiders 

Black widow spiders (black widow spider) is the scientific name is Latrodectus mactans small spider. Found in many countries It is abundant in North America and south-west of Australia. The name reflects the behavior of spiders spider spider eats the male after mating, females often. 

People tend to be bitten by an accidental touch. Most find this spider webs in the corner of the door or window, a garage or even in the bathroom. It may have been a spider bite to the genital area.

The female black widow spider has a length of about 1-2 cm with a round black abdomen with a red hourglass marking (Figure 1 and 2), the black widow spider males are smaller than females, about 20 times. and the brown (Figure 3) did not look at the hourglass of males. 

Figure 1 female black widow spiders. The red hourglass on the belly 

(Photo by http://en.wikipedia.org/wiki/Black_widow_spider) 

Figure 2 female black widow spiders. The red hourglass on the belly 

(Photo by http://www.myhousecallmd.com/arachnophobia-the-truth-behind-spider-bites/). 

Figure 3 male black widow spiders. Light brown with small 

(Photo by http://en.wikipedia.org/wiki/Black_widow_spider) 

Black widow spiders like to live in the absence of light, no wind, such as a fence or in a pile of leaves like nocturnal. 

Only the female black widow spiders only bite humans. The male is smaller and the jaw is not strong enough. 

Toxicity of black widow spider venom called latrotoxin as a main effect on the nervous system (neurotoxin) is toxic to neurons tip gap. The calcium ion (Ca2 +) influx into the neurons, a mechanism for the release of neurotransmitters. (neurotransmitter) causes time and continuous transmission of nerve sensitivity. Result in muscle spasms and paralysis. The cause of death is caused by diaphragmatic muscle and cardiac muscle function. The severity depends on the amount of toxin given. Snake venom is stronger than most. Onset is usually after the bite, about 20 minutes to 1 hour. 

Signs and symptoms 

The first phase will have redness and pain at the bite. Skin lesions only slightly later than 30 minutes before seeing a red skin around more (see Figure 4), together with the bumps and sweating may be numbness or pain at the site of the bite. Symptoms may include cramps Conjunction with urticaria and major site of the bite. No necrosis occurred 

Figure 4 lesions were black widow spider bite. 

(Photo by http://www.pemcincinnati.com/blog/briefs-spiders/). 

Disease usually found in young children or the elderly. 

The venom of this spider are substances that act on the nervous system. Can cause symptoms such as severe abdominal pain, sometimes confused with pain from appendicitis, or the pain of gallstones in the gallbladder, biliary obstruction. Or chest pain that may be similar to symptoms of myocardial infarction. 

There is also a headache, nausea, vomiting, muscle pain, high blood pressure, tears and salivation, sweating all over the body, hands shaking, and seizures in some patients. Scabies may experience low blood pressure rise. Acute renal failure Until death

treatment 

Should be admitted to hospital. As should be evaluated by a doctor neurological symptoms. Currently, no antidote, black widow spiders in Australia. (Abroad will have the effect of spider venom therapy (anti-venin) which is used in patients with severe symptoms. It can cause severe allergic horse serum. It must be tested against the skin before injections). 

Current treatment is the pain a little. Use warm compresses with pain medication dose intravenous calcium gluconate, pharmaceutical muscle relaxant, analgesic and antidepressant groups. benzodiazepine The conservative treatment of the symptoms. Waiting for the poison disappear And may need to be vaccinated against tetanus as well. 

2 brown widow spiders 

Brown widow spiders (brown widow spider) is the scientific name is Latrodectus geometricus first discovered in Colombia. South America Then there was a wider spread to North America, Africa, Australia. The report found that, from Asia, from the Philippines. Japan and India In Thailand, the report found that the province. Samut Sakhon Nakhon Chiang Mai, Lamphun, Lampang, Phayao, Phrae, Nakhon Ratchasima, Rayong, Chanthaburi and Trat. 

This spider is not aggressive When disturbed, they run away into the corner of the shelter in the nest, or dropped to the ground and play dead. Make this spider a little more bite. Most people who are bitten by a spider to touch or pressure injuries were limited. 

So small that little black widow spider has a brown body with a rounded belly is orange or yellow hourglass figure. And the legs are brown with white stripe (Figure 5, 6 and 7). 

5 Years of brown widow spider. At the bottom there is an orange hourglass figure. 

(Photo by http://en.wikipedia.org/wiki/Latrodectus_geometricus) 

6 Years brown widow spider. At the bottom there is an orange hourglass figure. 

(Photo by http://en.wikipedia.org/wiki/Latrodectus_geometricus) 

Directive 7 brown widow spider. At the bottom there is an orange hourglass figure. 

(Photo by http://pulpbits.com/5-pictures-of-brown-widow-spider-florida/brown-widow-spider-from-florida-pic-6/). 

The brown widow spider venom of the black widow spider is stronger than 2 times the venom in equal amounts. The only adult female spiders can bite through the skin only human. The spider male and female spiders have fangs that are adult small and short and can not bite through the skin of humans. And brown widow spider venom in each bite will leave very little time. The black widow spider venom to release all in one time. As a result, most of the pain, the site of the bite. 

Signs and symptoms 

With neurological toxic (neurotoxic venom) cause convulsions, spasms and cramps. Symptoms of a collision. Rarely spread to other parts of the body. It mainly produces pain in the area of the bite similar to a bee sting only. Are less likely to cause pain throughout the body. And the poison will not cause necrosis at the site of the bite. 

treatment 

A treatment similar to the treatment of black widow spider venom. 

3 brown recluse spider 

Brown recluse spiders (brown recluse spider), a spider that is found in eastern North America. The scientific name is Loxosceles reclusa small, about 6-20 mm (smaller than the black widow) Characteristic body light brown or dark yellow small feature is the rear of the spider's head and chest. (cephalothorax) will have a black stripe shaped like a violin. The handle is turned to the side opposite to the head (Figures 8 and 9) is also called a violin spider or fiddleback spider with long legs compared to body size. 

Figure 8 shows a brown recluse spider. Light brown A pattern similar to the violin spider's head and chest. The handle is turned to the violin, as opposed to the head. 

(Photo by http://www.amcoranger.com) 

Figure 9 brown recluse spider is small. 

(Photo by Bolognia 3rd Ed, Chapter 85 Bites and Stings, page 1447). 

This spider The female lays up to 50 eggs at a 1-month-pods mature at age 1 year, 1-2 years, she lives in a dark, dry and calm like a black widow spider. Insects as food And to leave the residence to another hunting at night. 

They live in the dark Attic Found in clothing, shoes, wardrobe and bed which may have been bitten. If accidentally exposed to 

Signs and symptoms 

The venom of brown recluse spider venoms contain substances through the skin and the blood system. 

Skin toxicity Are found in the skin of the bite. Symptoms may vary depending on individual violence. Most patients have no symptoms. Depending on the amount of toxins called. sphingomyelinase D from the brown recluse spider. If the bite is toxic doses for many, many more, respectively. Patients with severe 

When the bite is usually not painful. It usually starts with pain and itching at the bite after 2-8 hours it is then Thermage. The pain will be more and more and makes skin torn up to 37 percent of a large scar up to 25 cm. 

I have since found Site of the bite a little redness, burning and itching, with rash until the lesions have necrosis. Specific characteristics of the skin that is found. The rash has 3 zones (necrotic cutaneous loxoscelism) in the middle, surrounded by dark purple with white pale than usual. Next, the skin is inflamed, red, round (Figure 10) after 2-3 days, some patients may have spread into a rash, gangrene or ulceration deep as possible (Figure 11) symptoms. the skin is usually more severe black widow spider bite. 

Figure 10 shows the necrosis caused by brown recluse spider bite. Rash dark purple center surrounded by pale white. And next to a red skin around it. 

(Photo by http://www.myhousecallmd.com/arachnophobia-the-truth-behind-spider-bites/). 

Figure 11 shows the necrosis caused by brown recluse spider bite. 

(Photo by http://www.badspiderbites.com/ and http://webboard.yenta4.com/topic/435691). 

Hematologic toxicity Poison will spread throughout the body in a minute. Cause abnormalities in several organs, with the red blood cells, causing symptoms. Thrombocytopenia The clotting of platelets spread throughout the body. (disseminated intravascular coagulation) Damage to internal organs. 

Other symptoms may include nausea, vomiting, fever, rash, muscle and joint pain. 

treatment 

If a spider bite brown recluse. First aid consists To clean the wound and ice. Raised to a higher area of the bite. Do not massage or a hot compress or squeeze the wound is strictly forbidden, because the spider venom spread. The patient should be hospitalized immediately. By the bite of a spider. 

Since there is no specific medication for the treatment of brown recluse spider venom. Safeguard the palliative treatment of symptoms. Physicians may consider a tetanus vaccinations in the painkillers caused the car hematologic complications. Physicians may consider the use of other drugs, such as steroids, etc.. 

Will have to follow up every day for at least 4 days after being bitten. Follow signs to the site of the bite wound necrosis. 

For those with necrotic lesions You should avoid unnecessary surgical treatment. Necrotic lesions may require treatment period of months. Surgery may be helpful in some cases. I should wait until the wound stability first. There are reports of treatment with hyperbaric oxygen, dapsone, and glucocorticoids. This should be at the discretion of the physician. 

In patients with signs of blood. Blood clotting disorders You may need blood and substances that affect blood clotting. If renal failure may require dialysis. 

Prognosis 

Severe damage usually occurs in young children, the elderly and immune weakness. By those who were bitten and died, often a child under 7 years old, and immunocompromised patients.